One Man Army

“ขอแสดงความยินดีกับทีมสกายที่เป็นผู้ชนะรายการ Integrated Grand Slam Championship ทุกคนพูดว่าคุณเป็นผู้จัดการที่มีส่วนช่วยสำคัญทำให้เกิดเรื่องนี้ คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ?”

แม้ว่าลีซางฮยอคจะปฎิเสธการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่หลังจบเกม เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธการสัมภาษณ์ของ LGN (Live Game Net) ได้เพราะพวกเขามีหน้าที่รับสัมภาษณ์ทีมสกายมานานแล้ว

“มันไม่ใช่เพราะผมคนเดียว แต่มันเป็นเพราะผู้เล่นและโค้ชของเราที่ทำงานอย่างหนัก ผมเพียงให้คำแนะนำง่ายๆกับพวกเขา”

คำตอบของลีซางฮยอคนั้นถ่อมตนมาก แต่นั้นเป็นเพียงความคิดเห็นของสื่อเท่านั้น ลีซางฮยอครู้ดีว่าที่ทีมสกายชนะได้เป็นเพราะเขา

แครช หรือ ชเวซางยอลผู้ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของ Eternal Life (EL) เป็นที่รู้จักกันดีในนาม “เด็คการ์ดมังกรสวรรค์” ซึ่งเป็นคนที่ถูกสั่งสอนโดยซางฮยอค

เพื่อที่จะสั่งสอนชเวซางฮอลให้เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุด ซางฮยอคได้สร้างปรจารย์ขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสกายเทเลคอม

นอกจากนี้ซางฮยอคได้ทำให้ทีมประสบความสำเร็จมากมาย ในความจริงซางฮยอคมีส่วนร่วมมากที่สุดที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มตั้งทีมจนถึงครั้งล่าสุด

เดิมที่สกายเทเลคอมกำลังจะยุบทีม เนื่องจากพวกเขาได้อันดับสุดท้ายมา 3 ปีติดต่อกัน แต่พวกเขาได้ตัดสินใจดึงตัวซางฮยอคที่กำลังดังในโลกออนไลน์ในเวลานั้นและขอให้เขาทำให้ทีมสกายเป็นทีมที่ดีที่สุดใน 3 ปี ด้วยการสนับสนุนมากมายจากสกายเทเลคอม เขาก็ได้ทำมันใน 3 ปีตามที่เขาสัญญาไว้

มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างนั้น แต่เขาสามารถทำตามสัญญาของเขาได้

“แฟนคลับของคุณรู้ทุกอย่าง คุณถ่อมตัวเกินไป”

“ผมแค่พูดความจริง”

เขาไม่ค่อยชอบการสัมภาษณ์พิเศษเหมือนผู้จัดการหนุ่มทั่วๆไป ตอนนี้เขาอายุเกือบจะ 40 ปีแล้ว ซึ่งแตกต่างจากคนที่อายุ 20 หรือ 30 ปีที่มีความกระตือรือล้นสูง

โดยปกติแล้วนักข่าวไม่ชอบพวกตอบสไตล์ “อย่างงั้นเหรอครับ?” นักข่าวเริ่มที่จะถามคำถามที่ไม่ได้อยู่ในสคริปต์

“ตามข่าวลือในโลกออนไลน์ คุณกำลังจะออกจากทีมหลังจากจบการแข่งขันใช่มั้ยครับ?”

“ข่าวลือไม่มีมูลเลยครับ”

เขาตอบสั้นๆ มันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องตอบยาวๆ เพราะคำถามมันไม่ได้อยู่ในสคริปต์ อย่างไรก็ตามในใจของเขามีคำตอบที่แตกต่าง

‘ที่จริงมันค่อนข้างน่ารำคาญ แต่… มันเป็นความจริง’

เขาได้รับแจ้งยกเลิกสัญญาเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามมันอาจจะผิดกฎหมายถ้าเขาเปิดเผยความจริงในตอนนี้ เพราะมันจะประกาศออกมาในอีก 3 เดือน

นักข่าวยังคงสัมภาษณ์ต่อไปแม้ว่าจะไม่มีคำถามที่น่าสนใจก็ตาม โดยปกติแล้วนักข่าวจะจี้เพื่อให้ได่คำตอบที่น่าสนใจ แต่คำตอบของซางฮยอคนั้นน่าเบื่ออย่างมาก แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกว่า “มนุษย์น้ำแข็ง”

ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์จบลงโดยปราศจากความน่าสนใจและความตื่นเต้น

นักข่าวกำลังคิดเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่เขารู้สึกหดหู่หัวใจที่เขาไม่ได้รับข่าวใหม่หรือข่าวที่น่าสนใจ ตอนจบนักข่าวได้ถามเขาอีกหนึ่งคำถามที่ไม่ได้อยู่ในสคริปต์

“นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณใช่มั้ยครับ?”

ซางฮยอคคิดเกี่ยวกับคำถามที่ไม่ได้อยู่ในสคริปต์อีกหนึ่งคำถาม

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดงั้นเหรอ… ซางฮยอคคิดในขณะที่กำลังตอบคำถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา

“ใช่แล้วครับ นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในตอนนี้”

นี่เป็นเรื่องโกหก

มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุด

แม้เขากว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้ก็แทบสิ้นหวัง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เขาต้องการไม่ใช่แบบนี้

เขานั่งคิดเกี่ยวกับคำถามสุดท้ายที่นักข่าวถามหลังจากที่จบการสัมภาษณ์เป็นเวลานาน

‘ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เขาต่องการ… มันอาจจะไม่สามารถเป็นจริงได้… นี่คือขีดจำกัดที่เขาสามารถทำได้เหรอ’

ซางฮยอคส่าวหัวของเขาพร้อมกับยิ้มอย่างบิดเบี้ยว.

สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับเขาคือแม้แต่วงเงินของเขาก็ถูกยกเลิก

ในความจริงแล้วเขาทำทุกอย่างแต่พวกเขาบังคับให้เขายอมแพ้ทุกทาง

มันเป็นความจริงที่ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขามีความขัดแย้งอย่างมากกับฝ่ายสกายเทเลคอม แต่เขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทรยศเขาได้แบบนี้

“เห้อ…. มันยากเกินไป”

ซางฮยอคถอนหายใจและบ่นด้วยท่าทางที่ว่างเปล่า

“มันผิดตรงไหนเหรอ?”

ซางฮยอคต้องการที่จะย้อนเวลากลับไป ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนชึวิตของเขาได้จริง เขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่มันเกิดขึ้นได้แค่ในความฝัน

‘ถ้าฉันเกิดใหม่อีกครั้ง… ไม่สิถ้าฉันสาารถย้อนเวลาไปช่วงเวลานั้นได้…’

ซางฮยอคคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง

แต่มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้แม้ว่าเขาจะปรารถนาแค่ไหนก็ตาม ถึงเขาจะรู้เรื่องนี้ดี เขาก็ไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ซักวันเพราะเขาเสียใจอย่างมากเกี่ยวกับชีวิตของเขา

ความหวังอันแรงกล้าของซางฮยอค

เขากำลังจะได้ย้อนกลับไป…

มันไม่แตกต่างจากปกติมากนัก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมานักแม้ว่าเขาจะชนะเมเจอร์ลีก

เขาดื่มอย่างหนักหลังจากการสัมภาษณ์และนอนหลับทันทีหลังจากกลับมาถึงบ้าน

อย่างไรก็ตามทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาตื่นขึ้นมา

เขาไม่สามารถคิดอะไรออกได้ซักพักเพราะว่าสถานการณ์ที่ไม่สมเหตุสมผล

หลังจากฟื้นขึ้นมา เขาดูกระจกและตรวจสอบตัวเอง

“ไม่มันไม่สมเหตุสมผลเลย….”

มันเป็นความจริงและไม่ใช่ความฝัน เมื่อมองผ่านกระจกเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่สมเหตุสมผลบนร่างของตัวเอง

ในกระจก เขาเห็นตนเองตนอายุ 18 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่ใช่ผู้จัดการของทีมที่ดีที่สุดที่อายุ 36 ปี

‘นี่ไม่สมเหตุสมผลเลยไม่ว่าฉันจะมองยังไงก็ตาม’

แน่นอนว่ามันไม่ได้ดูเหมือนกับความฝัน ทุกอย่างเป็นความจริงแม้ว่าเขาจะพยายามมองรอบๆ อย่างต่อเนื่องก็ตาม ไม่มีใครที่คิดว่าสามารถย้อนเวลากลับมาแม้ว่าพวกเขาต้องการก็ตาม

‘เห้อ ใจเย็นก่อนและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้’

หลังจากเขาตื่นขึ้นมา เขาไม่อยากยอมรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

เนื่องจากเขาเป็นคนที่ใจเย็น จึงได้ชื่อว่า “มนุษย์น้ำแข็ง” เขาเริ่มที่จะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ทีละนิด

‘ทั้งหมดที่ฉันรู้คือว่าฉันได้ย้อนเวลากลับมาที่อดีตหรือไม่ก็พึ่งตื่นจากความฝันอันยาวนาน’

ทั้งสองอย่างนี้มันไม่สมเหตุสมผล แต่นั้นเป็นทั้งหมดที่เขาสามารถคาดเดาได้.

‘ถ้าฉันต้องเลือกซักอย่างหนึ่ง ฉันคิดว่าฉันอาจจะเลือกเรื่องการย้อนเวลากลับมาที่อดีตเหรอ? ไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม จุดสำคัญคือฉันอาจจะกำลังใช้ชีวิตตามทางที่เขาเห็นในฝัน ถ้ามันใช่จริงๆ ฉันควรมีโอกาศที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง’

มันน่าอึดอัดมากขึ่น เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าใด

‘พระเจ้าได้ให้โอกาสเขาในการเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกครั้งหนึ่งเพียงเพราะฉันต้องการมันอย่างนั้นเหรอ?’

มันเป็นเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติครั้งนี้ด้วยคามรู้ทั่วไป ดังนั้นเขาก็เลยบังคับตัวเองให้ยอมรับกับสถานการณ์ในตอนนี้ เขาพยายามบังคับตัวเองอย่างเต็มที่โดยเอาความเชื่อมั่นในเรื่องของพระเจ้าที่เขามักจะปฏิเสธการมีอยู่มาคิด

“ถ้าฉันไม่สามารถหลีกเลี่ยงมัน ฉันอาจจะลองและสนุกไปกับมันได้”

เขามองไปที่กระจกและพึมพำคำคมของเขาเอง เขาเคยเห็นคำคมนี้โดยบังเอิญเมื่อเขาอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเขา ณ จุดนี้เขามีความคิดที่แตกต่างกับร่างกายเพราะร่างกายเขาอายุ 18 ปี แต่จิตใจเขาอายุ 36 ปั